
พิธีเสียกระบาล
พิธีนี้ชาวบ้านมักเรียกว่า “พิธีเสียกระแบะกระบาล” เป็นพิธีที่ใช้กับผู้ที่เจ็บป่วยทุกวัย คำว่า “กระแบะกระบาล” เป็นภาษาชาวบ้าน ถ้าจะวิเคราะห์คำแล้ว จะได้ความหมายดังนี้คือ “กระแบะ” ได้แก่สิ่งของที่ทำขึ้นเป็นรูปสี่เหลี่ยม ตัวอย่างเช่น การทำแพไม้รวกไม้ไผ่เขาจะมัดให้เป็นลูกบวบหลาย ๆ ลูก นำมาผูกตรึงติดกับคาน เรียกว่า ตอนแพหนึ่งตอนมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมลอยอยู่ในน้ำ คำว่า “ตอน” นี้ ชาวบ้านเรียกว่า “กระแบะ” กระแบะในพิธีนี้ทำด้วยกาบกล้วย เป็นกระบะรูปสี่เหลี่ยม มีขอบปากสูงประมาณ 2 - 3 นิ้ว ก้นกระบะใช้กาบกล้วยกรุตามแบนส่วนคำว่า “กระบาล” แปลว่า “ตรงกลาง” ตรงกลางในที่นี้คือทาง 3 แพร่ง ตามปกติทาง 3 แพร่งมักจะอยู่บริเวณกลางหมู่บ้านเมื่อรวมความหมายของคำว่า กระแบะกระบาล เข้าด้วยกันแล้วได้ความว่า “นำกระบะไปไว้ทางสามแพร่ง” คำว่า ทาง 3 แพร่ง คือชุมทางที่มาพบกัน 3 ทาง ในชนบททางเดินไม่ใช่ถนนอย่างเดี๋ยวนี้ เป็นทางแคบแค่รอยเท้าย่ำไปได้เท่านั้น ถ้าจะเปรียบกันแล้วเหมือนเส้นที่ลากขึ้นแบบคดโค้งไปมานั่นเอง บริเวณที่เส้นทาง 3 เส้นมาพบกันเรียกว่า ทางสามแพร่ง เมื่อเกิดเจ็บป่วยกันขึ้นคราใด ชาวบ้านเชื่อว่าผีเป็นต้นเหตุ ของการเจ็บไข้ได้ป่วย จึงหาวิธีรักษาหรือแก้กันที่ต้นเหตุ ฉะนั้นจึงใช้พิธีเสียกระบาล เพื่อผีตายโหง ที่ชอบมาทักทาย ความเจ็บป่วยจะได้หายไป พิธีเสียกระบาลเป็นลักษณะ การบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ที่ชาวบ้านสร้างขวัญและกำลังใจ ให้เกิดขึ้นเมื่อจิตใจสบายขึ้นโรคก็ลดลงสิ่งของที่ใช้ในการทำพิธีก็มีตุ๊กตารูปคนปั้นด้วยดินเหนียว พริก หอม กระเทียม ข้าวสาร เกลือใส่กระทงเล็ก ๆ นำสิ่งของทั้งหมดใส่ในกระบะกาบกล้วย ผู้นำไปจะมีมีดไปเล่มหนึ่ง ธูป 1 ดอก เมื่อถึงทาง 3 แพร่ง จะวางกระบะจุดธูปปักไว้ในกระบะแล้วกล่าวคำว่า “ผีตายโหง ผีตายห่า ผีป่า ผีปอบที่มาทักทาย (ออกชื่อคนป่วย) ขณะนี้ได้นำสิ่งของมาให้แล้ว ขอให้คนป่วยหายขาดนะ อย่ามารบกวนอีกเป็นอันขาด” เสร็จแล้วเดินกลับบ้านโดยไม่หันหลัง เมื่อถึงบ้านแล้วจะใช้มีดโต้เคาะที่เสาหรือฝา 1 ที แล้วถามว่า “ไข้หายไหม” จะมีคนตอบว่า หายแล้ว” เป็นเสร็จพิธี บางหมู่บ้านแถบแควใหญ่ ใช้ข้าวปากหม้อ แกงปากหมอ ใส่กระทงแทนตุ๊กตา หอม กระเทียม ฯลฯ ใส่กระบะกาบกล้วยไปไว้ทาง 3 แพร่ง เหมือนกัน การเสียกระบาลนิยมทำกันในตอนเย็น เพราะชาวบ้านถือว่าเวลาเย็น ๆ เป็นเวลาที่ผีออกหากินพิธีที่ชาวบ้านนับถือและปฏิบัตินี้เป็นสิ่งประกอบ การรักษาความเจ็บไข้เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ การรักษาจริง ๆ จำเป็นต้องใช้ยาสมุนไพรช่วยด้วย ทุกหมู่บ้านมักจะมีหมอแผนโบราณประจำหมู่บ้าน ฉะนั้นการเจ็บไข้ได้ป่วย เมื่อได้รักษาด้วยยาสมุนไพร แล้วมีโอกาสหายได้ ส่วนพิธีกรรมที่นำมาประกอบนั้น อาจจะเป็นผลทางใจ คนเราถ้าใจดีไม่วิตกกังวลวุ่นวายแล้ว ความเจ็บไข้ได้ป่วยมักจะหายเร็ว ดังนั้นถ้าพิจารณาให้ดีแล้ว คนโบราณรู้วิธีบำบัดโรคได้ถูกทางเหมือนกัน คือใช้ความเชื่อของตนแก้โรคภัยไข้เจ็บ เหมือนหนามยอกเอาหนามบ่งนั่นเอง วิถีชีวิตเช่นนี้แสดงให้เห็น การพึ่งตนเองของคนในสมัยโบราณ นับว่าเป็นการสร้างความเข้มแข็ง เชื่อมั่นในตนเองอีกวิธีหนึ่ง