ประเพณี พิธีการ และความเชื่อ เรื่อง บุญสารทเดือนสิบ
ความเชื่อเรื่องบุญสารทเดือนสิบเป็นประเพณีที่วิวัฒนาการมาจาก ประเพณี “เปตพลี” ของศาสนาพราหมณ์ อันเป็นประเพณีที่จัดทำขึ้นเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย ปฏิบัติต่อเนื่องมาในอินเดียก่อนสมัยพุทธกาล พระพุทธองค์เห็นว่าเป็นประเพณีที่ดีงามจึงอนุญาตให้พุทธบริษัทปฏิบัติสืบเนื่อง
ต่อกันมา จึงก่อเกิดประเพณีและพิธีกรรม เพื่อให้มีพิธีการปฏิบัติเป็นแบบ ยึดถือตามวัฒนธรรมของท้องถิ่น ความเชื่อเรื่องบุญสารทเดือนสิบจึงเป็นสื่อให้เกิดการปฏิบัติสืบทอดต่อกันมา จนกลายเป็นประเพณีบุญสารทเดือนสิบ ทำเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ ผู้ล่วงลับไปแล้ว ด้วยความเชื่อเกี่ยวกับจิตวิญญาณ หลังจากที่ตายไป เชื่อว่าผู้ทำกรรมใดย่อมได้รับกรรมนั้น ทำดีได้ขึ้นสวรรค์ ทำชั่วตกนรก เป็นเปรต ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะผลแห่งบาปที่ทำไว้และ ดำรงชีพอยู่ด้วยการอาศัยส่วนบุญจากการ การอุปการะของญาติพี่น้องหรือผู้อื่น ที่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ส่วนเดียว จึงจะมีความเป็นอยู่พออยู่ได้ ถ้าไม่มีใครอุทิศไปให้ก็ไม่ได้รับบุญ
เมื่อลูกหลานเชื่อว่าบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้ว ต้องเสวยกรรมอยู่ในนรก ในช่วงวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ จนถึงวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ จะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาเยี่ยมลูกหลานญาติพี่น้อง ที่เมืองมนุษย์ ดังนั้นในวันแรม 1 ค่ำ จึงมีการทำบุญรับตายาย และในวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ เป็นวันที่เปตชน ทั้งหลายต้องกลับนรกตามเดิม ลูกหลานจึงทำบุญอุทิศให้บรรพบุรุษเปตชน อีกครั้งเป็นส่งตายาย เดินทางกลับเพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที จึงมีการทำบุญยกหฺมฺรับใหญ่กันอย่างเต็มที่ เพื่อให้บรรพบุรุษเดินทางกลับอย่างมีความสุข มีสิ่งของที่ลูกหลานอุทิศไปให้ใช้ในระหว่างเสวยกรรมเพียงพอในรอบปี การจัดหฺมฺรับ มีการบรรจุสิ่งของลงในภาชนะโดยชั้นล่างสุด เป็นสิ่งของที่มีน้ำหนักมากจัดสิ่งของประเภทอาหารแห้ง ลงไว้ที่ก้นภาชนะ ได้แก่ ข้าวสารใส่รองก้นภาชนะแล้วใส่พริก เกลือ หอม กระเทียม กะปิ น้ำปลา น้ำตาล มะขามเปียก รวมทั้งบรรดาปลาเค็ม เนื้อเค็ม หมูเค็ม กุ้งแห้ง เครื่องปรุงอาหารที่จำเป็นและน้ำดื่ม
โดยสรุปประเพณี พิธีการ และความเชื่อ เรื่องบุญสารทเดือนสิบมีขึ้นด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรกคือเนื่องมาจากความเชื่อทางพระพุทธศาสนา ที่เชื่อว่าในปลายเดือนสิบปู่ย่า ตายาย ญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว และคนบาปทั้งหลายที่ตกนรก จะถูกปล่อยจากนรกให้ขึ้นมาพบญาติพี่น้องในวันแรม 1 ค่ำ เดือนสิบ และให้กลับไปนรกดังเดิมในวันแรม 15 ค่ำ เดือนสิบ ดังนั้นผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็พยายามหาอาหารต่างๆ ไปทำบุญที่วัดเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ ประการที่สองเป็นการทำบุญเนื่องจากความชื่นชมยินดีในโอกาสที่ได้รับผลผลิตทางการเกษตร ประการที่สามเพื่อนำพืชผลต่างๆ ที่ได้รับจากการเกษตรไปทำบุญสำหรับพระภิกษุจะได้เก็บไว้เป็นเสบียงในฤดูฝน ซึ่งจะเริ่มในตอนปลายเดือนสิบ และประการสุดท้ายเพื่อเป็นการแสดงความรื่นเริงและสนุกสนานประจำปีร่วมกันเพราะความภาคภูมิใจ ความสุขใจ และความอิ่มใจ ที่ได้ปฏิบัติการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษ ญาติมิตรที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้นความเชื่อเรื่องบุญสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีอันดีงามที่ควรสืบทอดต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น